โนรา
เอกลักษณ์ท่ารำอันทรงคุณค่าของภาคใต้
ท่ารำของโนราไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าทุกคนหรือทุกคณะจะต้องรำเหมือนกัน
เพราะการรำโนรา คนรำจะบังคับเครื่องดนตรี หมายถึง
คนรำจะรำไปอย่างไรก็ได้แล้วแต่ลีลา หรือความถนัดของแต่ละคน
เครื่องดนตรีจะบรรเลงตามท่ารำ เมื่อผู้รำจะเปลี่ยนท่ารำจากท่าหนึ่งไปยังอีกท่าหนึ่ง
เครื่องดนตรีจะต้องสามารถเปลี่ยนเพลงได้ตามคนรำ
ความจริงแล้วท่ารำที่มีมาแต่กำเนิดนั้น
มีแบบแผนแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ารำในบทครูสอนสอนรำ และบทประถม
ท่ารำเมื่อได้รับการถ่ายทอดมาเป็นช่วง ๆ
ทำให้ท่ารำที่เป็นแบบแผนดั้งเดิมเปลี่ยนแปลงไป เพราะหากจะประมวลท่ารำต่าง
ๆของโนราแล้ว จะเห็นว่าเป็นการรำตีท่าตามบทที่ร้องแต่ละบท
การตีท่ารำจามบทร้องนี้เองที่เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้ท่ารำเปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันออกไป
เพราะท่ารำที่ตีออกมานั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้รำว่าบทอย่างนี้จะตีท่าอย่างไร ท่ารำที่ค่อนข้างจะแน่นอนว่าเป็นแบบแผนมาแต่เดิมอันเป็นที่ยอมรับของผู้รำโนราจะต้องมีพื้นฐานเบื้องต้น
ดังนี้
การทรงตัวของผู้รำ
ผู้ที่จะรำโนราได้สวยงามและมีส่วนถูกต้องอยู่มากนั้น จะต้องมีพื้นฐานการทรงตัว
ดังนี้
- ช่วงลำตัว จะต้องแอ่นอกอยู่เสมอ
หลังจะต้องแอ่นและลำตัวยื่นไปข้างหน้า ไม่ว่าจะรำท่าไหน
หลังจะต้องมีพื้นฐานการวางตัวแบบนี้เสมอ
- ช่วงวงหน้า วงหน้าหมายถึงส่วนลำคอจนถึงศีรษะ
จะต้องเชิดหน้าหรือแหงนขึ้นเล็กน้อยในขณะรำ
- การย่อตัว การย่อตัวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
การรำโนรานั้นลำตัวหรือทุกส่วนจะต้องย่อลงเล็กน้อย นอกจากย่อลำตัว แล้วเข่าก็จะต้องย่อลงด้วย
- ส่วนก้น จะต้องงอนเล็กน้อย
ช่วงสะเอวจะต้องหัก จึงจะทำให้แลดูแล้วสวยงาม
การเคลื่อนไหว
นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอีกอย่าง เพราะการรำโนราจะดีได้นั้น ในขณะที่เคลื่อนไหวลำตัว
หรือจะเคลื่อนไหวส่วนใดส่วนหนึ่งก็ดี เช่น การเดินรำ ถ้าหากส่วนเท้าเคลื่อนไหว
ช่วงลำตัวจะต้องนิ่ง ส่วนบนมือและวงหน้าจะไปตามลีลาท่ารำ
ท่ารำโนราที่ถือว่าเป็นแม่ท่ามาแต่เดิมนั้นคือ " ท่าสิบสอง”
ท่าสิบสอง
โนราแต่ละคนแต่ละคณะอาจจะมีท่ารำไม่เหมือนกัน
ซึ่งอาจจะได้รับการสอนถ่ายทอดมาไม่เหมือนกัน (ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว )
บางตำนานบอกว่ามีท่ากนก ท่าเครือวัลย์ ท่าฉากน้อย ท่าแมงมุมชักใย ท่าเขาควาย บางตำนานบอกว่ามีท่ายืนประนมมือ ท่าจีบไว้ข้าง
ท่าจีบไว้เพียงสะเอว ท่าจีบไว้เพียงบ่า ท่าจีบไว้ข้างหลัง ท่าจีบไว้เสมอหน้า
อย่างไรก็ตามมีการตั้งข้อสันนิษฐานกันว่าท่าพื้นฐานของโนราน่าจะมีมากกว่านี้
สังเกตได้จากท่าพื้นฐานในบทประถม
ซึ่งถือกันว่าเป็นแม่บทของโนรา
จึงไม่สามารถระบุลงไปได้ว่าท่ารำพื้นฐานมีท่าอะไรบ้าง
ท่ารำบทครูสอน
เป็นท่าประกอบคำสอนของครูโนรา เช่น สอนให้ตั้งวงแขน
เยื้องขาหรือเท้า สอนให้รู้จักสวมเทริด
สอนให้รู้จักนุ่งผ้าแบบโนรา
ท่ารำในบทครูสอนนี้นับเป็นท่าเบื้องต้นที่สอนให้รู้จักการแต่งกายแบบโนรา
หรือมีท่าประกอบการแต่งกาย เช่น
- ท่าเสดื้องกรต่อง่า เป็นการสอนให้รู้จักการกรายแขน
หรือยื่นมือรำนั่นเอง
- ท่าครูสอนให้ผูกผ้า เป็นการสอนให้นุ่งผ้าแบบโนรา
เวลานุ่งนั้นต้องมีเชือกคอยผูกสะเอวด้วย
- ท่าสอนให้ทรงกำไล คือสอนให้ผู้ที่จะเริ่มฝึกรำโนรา
รู้จักสวมกำไลทั้งมือซ้ายและมือขวา
- ท่าสอนให้ครอบเทริดน้อย
คือสอนให้รู้จักสวมเทริด การครอบเทริดน้อยนั้นจะเปรียบแล้วก็เหมือนกับการบวชสามเณร
ส่วนการครอบเทริดใหญ่หรือพิธีครอบครูเปรียบเหมือนการอุปสมบทเป็นพระ
ซึ่งการครอบเทริดน้อยจะไม่มีพิธีรีตองอะไรมากนัก
- ท่าจับสร้อยพวงมาลัย
คือท่าที่สอนให้รู้จักเอามือทำเป็นพวงดอกไม้หรือช่อดอกไม้
- ท่าเสดื้องเยื้องข้างซ้าย-ขวา
ทั้งสองท่านี้เป็นท่าที่สอนให้รู้จักการกรายขาทั้งข้างซ้ายและข้างขวา
- ท่าถีบพนัก คือท่ารำที่เอาเท้าข้างหนึ่งถีบพนัก
( ที่สำหรับนั่งรำ ) แล้วเอามือรำ
ท่ารำยั่วทับ
หรือ รำเพลงทับ เป็นการรำหยอกล้อกันระหว่างคนตีทับกับคนรำ
โดยคนรำจะรำยั่วให้คนตีทับหลงใหลในท่ารำ
เป็นท่ารำที่แอบแฝงไว้ด้วยความสนุกสนานและตื่นเต้น โดยผู้รำจะใช้ท่ารำที่พิสดาร
เช่น ท่าม้วนหน้า ม้วนหลัง ท่าหกคะเมนตีลังกา
ซึ่งก็แล้วแต่ความสามารถของผู้รำที่จะประดิษฐ์ท่ารำขึ้นมา
เพราะท่ารำไม่ได้ตายตัวแน่นอน เครื่องดนตรีจะเน้นเสียงทับเป็นสำคัญ
ภาพโนรารำขอเทริดโนราศรียาภัย
ท่ารำรับเทริด
หรือ รำขอเทริด เป็นการรำเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด เพราะการรำรับเทริดนิยมรำหลังจากมีการรำเฆี่ยนพรายหรือรำเหยียบลูกมะนาวเสร็จแล้ว
เพราะการรำเฆี่ยนพรายหรือรำเหยียบลูกมะนาวเป็นการรำที่ต้องใช้คาถาอาคม
ผู้ชมจะชมด้วยความตื่นตะลึงและอารมณ์เครียดตลอดเวลาที่ชม
แต่การรำขอเทริดเป็นการรำสนุก ๆ หยอกล้อกันระหว่างคนถือเทริดหรือตัวตลกกับคนขอเทริดคือโนราใหญ่ที่ต้องรำด้วยลีลาท่าที่สวยงาม
นอกจากมีท่ารำแล้ว ยังมีคำพูดสอดแทรกโต้ตอบกันด้วย
การรำขอเทริดนี้ตัวตลกจะเดินรำถือเทริดออกมาก่อน
แล้วคนขอจะรำตามหลังออกมาโดยคนขอยังไม่ได้สวมเทริด การรำขอเทริดจะใช้เวลารำประมาณ
๓๐-๔๕ นาที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น